ถอดเทป มรดก (ภาคปกติ) อ.กีรติฯ สมัยที่70
วันที่ 22 พค. 60 สัปดาห์ที่ 1 ครั้งที่ 1
..............................
สวัสดีครับนักศึกษา ในการเรียนเนติฯ
ความยากอยู่ที่อะไร
อยู่ที่เรามีความขยันพอหรือไม่และมีความตั้งใจจริงหรือไม่
เมื่อจบปริญญาตรีมาแล้วก็คงไม่ยากสำหรับทุกคน
หลักสำคัญที่อาจารย์แนะนำ คือ “สุ
จิ ปุ ลิ”
ที่ผ่านมาข้อสอบจะออกทั้งครอบครัวและมรดก
แต่มีสมัยที่ ๖๗ , ๖๙ ที่ออกเฉพาะมรดก
ดังนั้นข้อสอบที่ออกสอบได้นั้นหลักกฎหมายจะวนไปวนมา
เข้าสู่เนื้อหา
มรดก
เกิดขึ้นได้อย่างไร
มรดกเกิดขึ้นได้เมื่อมีความตายตามาตรา มาตรา
๑๕๙๙
มาตรา
๑๕๙๙ “เมื่อบุคคลใดตาย
มรดกของบุคคลนั้นตกทอดแก่ทายาท
ทายาทอาจเสียไปซึ่งสิทธิในมรดกได้แต่โดยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น”
มาตรา
๑๖๐๒ เมื่อบุคคลใดต้องถือว่าถึงแก่ความตายตามความในมาตรา
๖๒ แห่งประมวลกฎหมายนี้ มรดกของบุคคลนั้นตกทอดแก่ทายาท
ถ้าพิสูจน์ได้ว่าบุคคลนั้นยังคงมีชีวิตอยู่
หรือตายในเวลาอื่นผิดไปจากเวลาดังระบุไว้ในคำสั่งที่สั่งให้เป็นคนสาบสูญ
ให้ใช้บทบัญญัติมาตรา ๖๓ แห่งประมวลกฎหมายนี้บังคับแก่ทายาทของบุคคลนั้น
มาตรา ๑๗๕๓ ภายใต้บังคับแห่งสิทธิของเจ้าหนี้กองมรดก
เมื่อบุคคลใดถึงแก่ความตายโดยไม่มีทายาทโดยธรรมหรือผู้รับพินัยกรรม
หรือการตั้งมูลนิธิตามพินัยกรรม มรดกของบุคคลนั้นตกทอดแก่แผ่นดิน
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าบุคคลในที่นี้
เป็นบุคคลธรรมดา ซึ่งจากบทบัญญัติดังกล่าวแยกได้เป็น ๒ กรณี คือ
๑. ความตายตามธรรมชาติ (ตายความเป็นจริง)
กรณีดังกล่าวจะเกิดปัญหาว่า ใครบ้างที่เป็นทายาท
เช่น นายแดง เป็นบิดาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายดำ ถ้านายแดงตายก่อน นายดำมีสิทธิได้รับมรดกในทรัพย์สินของนายแดง
แต่ถ้าตายพร้อมกันต่างคนต่างไม่เป็นทายาทซึ่งกันและกัน ไม่มีสิทธิรับมรดก
(กรณีตายพร้อมกัน ออกสอบแล้ว เมื่อสมัยที่ ๖๙)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่
๓๕๘/๒๕๕๔ เจ้ามรดกตลอดจนบุคคลในครอบครัวถูกสามีของเจ้ามรดกใช้อาวุธปืนยิงถึงแก่ความตายในเวลาต่อเนื่องกัน
ถือเป็นการตายในเหตุภยันตรายร่วมกันและเป็นการพ้นวิสัยที่จะกำหนดได้ว่าคนไหนตายก่อนหลัง
จึงถือว่าทุกคนถึงแก่ความตายพร้อมกันตาม ป.พ.พ. มาตรา ๑๗
ทรัพย์มรดกของเจ้ามรดกจึงไม่ตกไปยังบุตรของเจ้ามรดกซึ่งถือว่าถึงแก่ความตายพร้อมกัน
แต่จะตกได้แก่ผู้คัดค้านซึ่งเป็นน้าของเจ้ามรดก
และเมื่อข้อเท็จจริงปรากฏชัดแจ้งว่า
สามีของเจ้ามรดกเป็นผู้กระทำโดยเจตนาให้เจ้ามรดกถึงแก่ความตายโดยมิชอบด้วยกฎหมายและไม่อาจดำเนินคดีแก่สามีของเจ้ามรดกได้เนื่องจากสามีเจ้ามรดกฆ่าตัวตายไปก่อน
จึงถือได้ว่าสามีของเจ้ามรดกเป็นบุคคลที่ต้องถูกจำกัดมิให้รับมรดกของเจ้ามรดกฐานเป็นผู้ไม่สมควร
ผู้ร้องซึ่งเป็นพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกับสามีของเจ้ามรดกจึงไม่ใช่ทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของเจ้ามรดก
และเมื่อผู้ร้องมิใช่ผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์มรดกของเจ้ามรดก
จึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของเจ้ามรดกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่
๑๓๑๒๙/๒๕๕๖ ธ. ซึ่งเป็นบุตรของ ก.
และ ก. ตายพร้อมกัน ต่างไม่เป็นทายาทที่จะรับมรดกของกันและกัน
เพราะในขณะที่บุคคลหนึ่งถึงแก่ความตายอีกบุคคลหนึ่งไม่มีสภาพบุคคลที่มีความสามารถที่จะมีสิทธิได้ตาม
ป.พ.พ. มาตรา ๑๕ และมาตรา ๑๖๐๔ วรรคหนึ่ง และกรณีไม่ต้องด้วยมาตรา ๑๖๓๙ เนื่องจาก
ธ. ทายาทไม่ได้ตายก่อน ก. เจ้ามรดกอันจะทำให้โจทก์ซึ่งเป็นบุตรของ ธ.
มีสิทธิรับมรดกแทนที่ ธ. โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกเอาทรัพย์มรดกของ ก.
ปัญหาอำนาจฟ้องเป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน
ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๔๒ (๕) ประกอบมาตรา ๒๔๖
และมาตรา ๒๔๗
๒. ความตายโดยผลของกฎหมาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น