เนติบัณฑิต เก็งเนติ เตรียมสอบ เนติบัณฑิต ภาค1-2 สมัยที่ 74: สรุปฎีกาเนติฯ 1/70
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สรุปฎีกาเนติฯ 1/70 แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สรุปฎีกาเนติฯ 1/70 แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2560

สรุปฎีกาเนติฯ 1/70 (ฎีกา ห้องบรรยาย) วิชา อาญา มาตรา288-366 อ.มล.ไกรฤกษ์ (ภาคปกติ) 31 พ.ค 60 สัปดาห์ที่2

                เจาะสรุปฎีกา ห้องบรรยายเนติฯ 1/70 
วิชา อาญา มาตรา288-366 อ.มล.ไกรฤกษ์ (ภาคปกติ) 31 พ.ค 60 สัปดาห์ที่2 
.............................................

                     คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 121/2493 ผู้ตายซึ่งวิกลจริตขึ้นไปบนเรือนจำเลย หญิงซึ่งอยู่บนเรือนคนเดียวเข้าใจว่าเป็นคนร้าย จึงร้องว่าชะโมยให้ชาวบ้านช่วย มีชาวบ้าน 30-40 คนรวมทั้งจำเลยมีอาวุธปืน 6-7 กระบอก ไล่ตามยิงผู้ตาย ๆ หนีไปแอบจำเลยกับคนอื่น 2 คนยิงไปยังผู้ตายคนละนัด พอสิ้นเสียงปืนปรากฎว่าผู้ตายถูกกระสุนปืนล้มลงตาย โดยไม่ปรากฎว่าตายเพราะถูกกระสุนปืนของใคร ดังนี้ ถือว่าจำเลยผิดเพียงฐานพยายามฆ่าผู้ตาย และไม่ถือว่าจำเลยและผู้ที่ยิ่ง ตลอดจนชาวบ้านที่ไล่ติดตามนั้นสมคบกัน


                  คำพิพากษาฎีกาที่ 14559/2556 จำเลยที่ 1 ชักอาวุธปืนยิงผู้ตายกับ ป. 3 นัด ผู้ตายกับ ป. วิ่งหนี จากนั้นจำเลยที่ 2 คว้าอาวุธปืนจากจำเลยที่ 1 ไล่ยิงผู้ตายกับ ป. อีก 3 นัด กระสุนปืนถูกบ่าและต้นขาของผู้ตาย 4 รู แม้ไม่ปรากฏว่ารอยกระสุนใดเกิดจากการยิงของจำเลยทั้งสองแยกต่างหากจากกัน แต่รอยกระสุนแต่ละรู ถูกอวัยวะสำคัญของร่างกายอันอาจทำให้ถึงแก่ความตายได้ทุกรอย การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดฐานฆ่าผู้อื่นตาม ป.อ. มาตรา 288 เมื่อเกิดเหตุรถเฉี่ยวกัน การที่ทั้งสองฝ่ายอยู่ในอาการมึนเมามาตะโกนด่ากัน แล้วจำเลยทั้งสองเลี้ยวรถกลับมาหาผู้ตายกับ ป. ซึ่งจอดรถอยู่ในที่เกิดเหตุ แม้ฝ่ายผู้ตายพูดด้วยว่าถ้าแน่จริงให้ลงมา แต่จำเลยทั้งสองก็ยังนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์ที่แล่นมาจอดห่างประมาณ 3-5 เมตร และไม่มีพฤติการณ์อื่นให้เห็นว่า จำเลยทั้งสองสมัครใจทะเลาะวิวาท การที่ผู้ตายกับ ป. เข้าไปรุมชกจำเลยทั้งสองซึ่งยังนั่งคร่อมรถจักรยานยนต์อยู่โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองสมัครใจเข้าต่อสู้กับผู้ตาย นับว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย จำเลยทั้งสองย่อมมีอำนาจกระทำการป้องกันสิทธิของตนได้ แต่การที่จำเลยที่ 1 ใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ตายกับ ป. โดยที่ผู้ตายกับ ป. ไม่มีอาวุธและเพียงแต่ชกจำเลยทั้งสอง การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการป้องกันเกินสมควรแก่เหตุ ป. กับผู้ตายวิ่งหนีแล้วภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายย่อมสิ้นสุดลง การที่จำเลยที่ 2 คว้าอาวุธปืนจากจำเลยที่ 1 ไล่ยิงผู้ตายในทันทีทันใดนั้นโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำการใดอันเป็นการร่วมกับจำเลยที่ 2 อีก จำเลยที่ 1 จึงไม่มีความผิดฐานร่วมกับจำเลยที่ 2 ฆ่าผู้ตาย

                  คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1937/2522 ยิง 4-5 นัด เจตนาฆ่า ก. กระสุนถูกก.ตายถูกส. อันตรายสาหัส เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 288 กับมาตรา 288,80 อีกบทหนึ่งคำพิพากษาต้องอ้างความผิดทั้ง 2 บท ให้ลงโทษตาม มาตรา 288 บทหนัก
คำให้การชั้นสอบสวนของพยานโจทก์ที่ได้ตัวมาเบิกความ และที่ไม่ได้ตัวมาเบิกความเพราะติดตามตัวไม่พบ ระบุชื่อผู้ยิงว่านายประทีปสุขเกษม มาในชั้นศาลพยานโจทก์ว่าคนยิ