เก็ง วิแพ่ง ข้อ2 ภาค1 เนติฯ สมัยที่ 71
(1) การแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อยอื่น ๆ ตามมาตรา 143
(2) การพิจารณาใหม่แห่งคดีซึ่งได้พิจารณาและชี้ขาดตัดสินไปฝ่ายเดียว ตามมาตรา 209 และคดีที่เอกสารได้สูญหายหรือบุบสลายตามมาตรา 53
(3) การยื่น การยอมรับ หรือไม่ยอมรับ ซึ่งอุทธรณ์หรือฎีกาตามมาตรา 229 และ 247 และการดำเนินวิธีบังคับชั่วคราวในระหว่างการยื่นอุทธรณ์ หรือฎีกาตามมาตรา 254วรรคสุดท้าย
(4) การที่ศาลฎีกาหรือศาลอุทธรณ์ส่งคดีคืนไปยังศาลล่างที่ได้พิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีนั้น เพื่อให้พิพากษาใหม่หรือพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามมาตรา 243
(5) การบังคับคดีตามคําพิพากษาหรือคําสั่งตามมาตรา 271
ทั้งนี้ ไม่เป็นการตัดสิทธิในอันที่จะบังคับตามบทบัญญัติแห่งมาตรา 16 และ 240 ว่าด้วยการดำเนินกระบวนพิจารณาโดยศาลอื่นแต่งตั้ง
สกัดหลักกฎหมาย
1. มีประเด็นข้อพิพาท ซึ่งศาลต้องวินิจฉัยอย่างเดียวกัน
2. เมื่อคู่ความในคดีดังกล่าวกับคู่ความในคดีนี้เป็นคู่ความรายเดียวกัน และ
3. ศาลชั้นต้นในคดีดังกล่าวมีคำพิพากษาวินิจฉัยชี้ขาดแล้ว
4. จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 144
คำพิพากษาฎีกาที่น่าสนใจ
คำพิพากษาฎีกาที่ 441-442/2559 โจทก์ทั้งสามทำบันทึกข้อตกลงกับ
อ. และจำเลยที่ 5 แบ่งกรรมสิทธิ์ที่ดิน โฉนดเลขที่ 18144 ให้มีกรรมสิทธิ์ที่ดินคนละส่วนเท่ากัน
ต่อมาโจทก์ทั้งสามปฏิบัติผิดข้อตกลง อ. กับจำเลยที่ 5 จึงฟ้องโจทก์ทั้งสามเป็นจำเลยให้ชำระเงินพร้อมดอกเบี้ย
โจทก์ทั้งสามยื่นคำให้การต่อสู้คดีขอให้ยกฟ้อง โดยอ้างเหตุทำนองเดียวกับที่โจทก์ทั้งสามฟ้องจำเลยทั้งห้าในคดีนี้ว่าโจทก์ทั้งสามทำบันทึกข้อตกลงเพราะถูกข่มขู่
ต่อมาศาลชั้นต้นในคดีที่โจทก์ทั้งสามถูกฟ้องเป็นจำเลย ได้มีคำพิพากษาให้โจทก์ทั้งสามซึ่งเป็นจำเลยในคดีดังกล่าวเป็นฝ่ายแพ้คดี
โดยศาลชั้นต้นได้ วินิจฉัยชี้ขาดว่า โจทก์ทั้งสามซึ่งเป็นจำเลยในคดีดังกล่าว
ยอมทำบันทึกข้อตกลงกับ อ. และจำเลยที่ 5
เพื่อเป็นไปตามคำประสงค์เดิมของบรรดาญาติพี่น้อง หาใช่เพราะถูก ข่มขู่ให้ลงชื่อในบันทึกข้อตกลงไม่
บันทึกข้อตกลงจึงมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย โจทก์ ทั้งสามไม่มีสิทธิบอกล้าง
ฟ้องโจทก์ในคดีนี้กับคดีแพ่งของศาลชั้นต้น มีประเด็นข้อพิพาท
ซึ่งศาลต้องวินิจฉัยอย่างเดียวกัน เมื่อคู่ความในคดีดังกล่าวกับคู่ความในคดีนี้เป็นคู่ความรายเดียวกัน
และศาลชั้นต้นในคดีดังกล่าวมีคำพิพากษาวินิจฉัยชี้ขาดแล้ว
ฟ้องโจทก์ในคดีนี้จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 144
กรณีที่ไม่ถือว่าทั้งสองคดีมีประเด็นแห่งคดีเป็นอย่างเดียวกัน
คำพิพากษาฎีกาที่ 4765/2539 คดีก่อนจำเลยฟ้องโจทก์ว่า จำเลยเป็นบุตรคนเดียวของ ห.
มีสิทธิรับมรดก คือ ทรัพย์พิพาทแต่ผู้เดียว ประเด็นจึงมีว่า
จำเลย เป็นบุตรของ ห. แต่เพียงคนเดียวและมีสิทธิรับมรดกแต่เพียงผู้เดียวหรือไม่ แต่คดีนี้โจทก์
ฟ้องว่าทรัพย์พิพาทเป็นทรัพย์ที่ ห. และมารดาโจทก์ทำมาหาได้ร่วมกันจึงเป็นสินสมรส ประเด็นจึงมีว่า
โจทก์มีสิทธิฟ้องขอแบ่งกรรมสิทธิ์รวมหรือไม่ ประเด็นแห่งคดีนี้กับคดีก่อนจึงเป็นคนละประเด็นกัน ไม่เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำ
กรณีที่ศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดคดีหรือประเด็นข้อใดแห่งคดี
กรณีที่ไม่ถือว่าทั้งสองคดีมีประเด็นแห่งคดีเป็นอย่างเดียวกัน
คำพิพากษาฎีกาที่ 2046/2558 การดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 144 หรือไม่ เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
แม้ผู้ร้องไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในชั้นอุทธรณ์ก็มีสิทธิยกขึ้นอ้างในชั้นฎีกาได้
ในการพิจารณาคำร้องขอของผู้ร้องครั้งแรกในศาลชั้นต้น
ผู้คัดค้านมิได้เป็นคู่ความในคดีและประเด็นในการวินิจฉัยของศาลชั้นต้น ครั้งแรกเป็นเรื่องผู้ร้องเหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่เท่านั้น
ไม่มีประเด็นว่าพินัยกรรมชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ส่วนประเด็นครั้งหลังเป็นเรื่องสมควรถอดถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่
ทั้งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1727 กำหนดว่า เมื่อมีเหตุอันสมควร
ศาลมีอำนาจถอนผู้จัดการมรดกเสียได้
เมื่อผู้คัดค้านร้องขอให้ถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย อ้างว่าพินัยกรรมปลอม
แต่ผู้ร้องคัดค้านคำร้องขอของผู้คัดค้าน ดังนี้ คำร้องขอของผู้คัดค้านและคำคัดค้านของผู้ร้อง
จึงเป็นคำคู่ความที่จะก่อให้เกิดเป็นประเด็นข้อพิพาทซึ่งแตกต่างกัน
จึงถือไม่ได้ว่าศาลชั้นต้นได้ดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา 144
กรณีที่ศาลยังไม่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งชี้ขาดคดีหรือประเด็นข้อใดแห่งคดี
คำพิพากษาฎีกาที่ 2854/2561 (ฎีกาใหม่*) คดีก่อนโจทก์ฟ้องขอให้โจทก์และจำเลยหย่ากันและแบ่งสินสมรส
ประเด็นในคดีก่อนมีว่า มีเหตุหย่าหรือไม่ หากศาลพิพากษา
ให้หย่าจึงจะมีการแบ่งสินสมรสกันว่ามีทรัพย์สินใดที่เป็นสินสมรส เมื่อศาลพิพากษา
ยกฟ้องเนื่องจากไม่มีเหตุหย่า จึงไม่ได้วินิจฉัยว่าทรัพย์สินใดเป็นสินสมรสที่ต้องแบ่ง
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้แยกสินสมรสและให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดู
ประเด็นแห่งคดี มีว่า มีเหตุให้แยกสินสมรสหรือไม่
และจำเลยต้องชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูหรือไม่ และ
สินสมรสที่ต้องแยกได้แก่ทรัพย์สินใด
ประเด็นแห่งคดีนี้และประเด็นแห่งคดีก่อนต่างกัน
แม้ทรัพย์สินที่อ้างตามฟ้องคดีนี้จะเป็นทรัพย์สินตามฟ้องกับคดีก่อน
แต่คดีก่อนศาลยังไม่ได้วินิจฉัยว่าทรัพย์สินใดเป็นสินสมรสต้องแบ่ง
ดังนี้ ถือไม่ได้ว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้เกี่ยวกับ
สินสมรสเป็นประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุย่างเดียวกันกับคดีก่อน ฟ้องโจทก์คดีนี้
ไม่เป็นฟ้องซ้ำหรือดำเนินกระบวนพิจารณาซ้ำกับคดีก่อน
อ้างอิง รวมคำบรรยายเนติ เล่มที่7 วิชา วิ.แพ่ง ภาค 1 อ.อำนาจ พวงชมภู สมัยที่71