เก็งเนติ วิแพ่ง ข้อ5 อุทธรณ์-ฎีกา สมัยที่71 (แนวคำถาม-ตอบ ฎีกา) ชุดที่1
คำถาม
คดีที่มีโจทก์หลายคนร่วมกันฟ้องจำเลย โดยโจทก์แต่ละคนต่างใช้สิทธิเฉพาะตัวเรียกการเอาส่วนของตน การพิจารณาทุนทรัพย์ว่าจะต้องห้ามอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงหรือไม่ต้องพิจารณาแยกต่างหากจากกันหรือรวมกัน?
คำตอบ กรณีเป็นการที่โจทก์แต่ละคนต่างใช้สิทธิเฉพาะตัวตามมาตรา
๕๕ การพิจารณาทุนทรัพย์ว่าต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตาม
มาตรา ๒๒๔ วรรคหนึ่ง จึงต้องพิจารณาทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ของ
โจทก์แต่ละคนแยกกัน มีคำพิพากษาฎีกาวินิจฉัยไว้ตังนี้
คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๖๓๕/๒๕๕๒
โจทก์ทั้งสามร่วมกันฟ้องจำเลยทั้งสี่เป็นคดีเดียวกันเพราะโจทก์ทั้งสามมีผลประโยชน์ร่วมกันในมูลความแห่งคดีตามประมลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
มาตรา ๕๙ แต่โจทก์ที่ ๑ อ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของ ม. บิดา โจทก์ที่ ๑
เมื่อ ม. ถึงแก่ความตายที่ดินเป็นมรดกตกทอดแก่โจทก์ที่ ๑ ต่อมาโจทก์ที่ ๑
แบ่งที่ดินออกเป็น ๓ ส่วน ส่วนที่ ๑ เนื้อที่ ๙ ไร่ ๙๓ ตารางวา ราคาประมาณ ๔๕,๐๐๐ บาท โจทก์ที่ ๑ ครอบครองทำประโยชน์ ส่วนที่ ๒ เนื้อที่ ๗ ไร่ ๒ งาน ๕๓
ตารางวา ราคาประมาณ ๕๐,๐๐๐ บาท โจทก์ที่ ๑
โอนสิทธิครอบครองให้แก่โจทก์ที่ ๒ และ ส่วนที่ ๓ เนื้อที่ ๗ ไร่ ๓ งาน ๓๙ ตารางวา
ราคาประมาณ ๔๐,๐๐๐ บาท โจทก์ที่ ๑
โอนสิทธิครอบครองให้แก่โจทก์ที่ ๓
หลังจากนั้นโจทก์ทั้งสามขอออกโฉนดที่ดินแต่ละส่วนของแต่ละคน เป็นเรื่องที่โจทก์แต่ละคนต่างครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาท
ตามส่วนที่แต่ละคนขอรังวัดออกโฉนด อันเป็นการที่โจทก์แต่ละคนต่างใช้สิทธิเฉพาะตัวตามมาตรา
๕๕ การพิจารณาทุนทรัพย์ว่าต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตาม
มาตรา ๒๒๔ วรรคหนึ่ง จึงต้องพิจารณาทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์ของ
โจทก์แต่ละคนแยกกัน