คำพิพากษาหรือคำสั่งโดยจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
และคำพิพากษาหรือ คำสั่งอื่นๆ ของศาลอุทธรณ์หรือศาลฎีกาในคดีเดียวกันนั้น
และวิธีการบังคับคดีที่ได้ดำเนินไปแล้ว ให้ถือว่าเป็นอันเพิกถอนไปในตัว ตามมาตรา
๑๙๙ เบญจ วรรคสาม
คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๑๓๙๗/๒๕๕๗ มูลหนี้ตามคำพิพากษาศาลแพ่ง
ที่โจทก์นำมาฟ้องขอให้จำเลยล้มละลาย ระหว่างการพิจารณาของศาลล้มละลายกลาง
ศาลแพ่งมีคำสั่งให้พิจารณาคดีใหม่ ย่อมถือว่าคำพิพากษาในคดีแพ่งเป็นอันเพิกถอนไปในตัว
ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๗ ประกอบมาตรา ๑๙๙ เบญจ วรรคสาม โจทก์ไม่อาจนำหนี้ตามคำพิพากษามาเป็นมูลหนี้ฟ้องจำเลยขอให้ล้มละลายคงเหลือหนี้อันเป็นมูลฟ้องคดีแพ่งเนื่องมาจากจำเลยผิดสัญญาเช่าที่โจทก์มีคำขอบังคับให้จำเลยชำระหนี้ในคดีแพ่งเท่านั้น
คำพิพากษาฎีกาที่ ๔๐๙๐/๒๕๕๙
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ต่อศาลอุทธรณ์
ซึ่งหากศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดยื่น คำให้การและมีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาคดีใหม่ตามอุทธรณ์ของจำเลย
ก็จะทำให้คำพิพากษาศาลชั้นต้นที่บังคับให้จำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากบ้านและที่ดิน
กับให้จำเลยอำระค่าเช่าที่ค้างและค่าเสียหายให้แก่โจทก์เป็นอันต้องถูกเพิกถอน
ไปทันที ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๙๙ เบญจ วรรคสาม อุทธรณ์คำสั่งของจำเลยจึงเท่ากับเป็นการอุทธรณ์ให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้นอยู่ในตัวด้วย
จำเลยซึ่งเป็นผู้อุทธรณ์จึงมีหน้าที่ต้องนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นมาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์
ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๒๙ ทั้งไม่ใช่หน้าที่ของเจ้าหน้าที่ศาลที่จะเรียก
ให้จำเลยนำเงินค่าธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่โจทก์ตามคำพิพากษามาวางศาลพร้อมกับอุทธรณ์
เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว
อุทธรณ์คำสั่งของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น