เจาะฎีกา 5 ดาว ห้องบรรยายเนติฯ (ภาคทบทวน) สมัยที่ 70
วิชากฎหมายสารบัญญัติ อ.ประเสริฐฯ 4 มิ.ย.60 (ครัั้งที่ 1)
......................
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3391/2559 ผู้ตายขับรถยนต์เข้ามาจอดบริเวณที่เกิดเหตุแล้วผู้ตายลงมาพูดคุยและด่าว่านาง ต. ที่ไม่ยอมออกจากที่ดินด้วยถ้อยคำที่ไม่สุภาพและไม่เหมาะสมซึ่งขณะนั้นจำเลยยืนอยู่ข้างๆ นาง ต. ด้วย จำเลยจึงพูดกับผู้ตายว่าให้พูดคุยกันดีๆ แต่ผู้ตายไม่พอใจเข้าชกต่อยจำเลยทันที จากนั้นทั้งสองกอดปล้ำกันจนล้มลงโดยผู้ตายคร่อมตัวจำเลยไว้ เมื่อผู้ตายและจำเลยแยกกันแล้ว จำเลยชักอาวุธปืนเล็งยิงไปที่ผู้ตาย 1 นัด แต่กระสุนปืนไม่ถูก ผู้ตายจึงวิ่งกลับไปที่รถยนต์ของผู้ตายที่จอดอยู่ จำเลยถืออาวุธปืนวิ่งไล่ตามแล้วใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย พฤติการณ์ที่จำเลยตักเตือนผู้ตายให้พูดกับนาง ต. ดีๆ แต่ผู้ตายกลับแสดงความไม่พอใจจำเลย แล้วเดินเข้าไปชกต่อยจำเลยก่อนทันทีโดยจำเลยไม่ได้มีท่าทีจะทำร้ายผู้ตายก่อนแต่อย่างใดทั้งเมื่อพิจารณาบาดแผลที่ผู้ตายได้รับนอกจากบาดแผลถูกกระสุนปืนแล้วพบเพียงบาดแผลถลอกบริเวณหน้าผากซ้าย หางตาซ้ายและเข่าขวาเท่านั้น ประกอบกับจำเลยเคยเป็นทหารมาก่อนและขณะเกิดเหตุจำเลยอายุเพียง 50 ปีซึ่งมีอายุน้อยกว่าผู้ตาย หากจำเลยสมัครใจชกต่อยกับผู้ตายแล้วน่าจะพบบาดแผลฟกช้ำหรือร่องรอยถลอกตามร่างกายของผู้ตายมากกว่านี้ เชื่อว่าจำเลยมิได้สมัครใจชกต่อยทะเลาะวิวาทกับผู้ตาย แม้ผู้ตายเป็นฝ่ายก่อเหตุขึ้นก่อนแต่เมื่อไม่ปรากฏพฤติการณ์อื่นใดว่าผู้ตายจะเข้าทำร้ายผู้ตายอีกโดยผู้ตายวิ่งกลับไปที่รถยนต์จอดอยู่และไม่ปรากฏว่าขณะนั้นผู้ตายมีอาวุธติดตัวด้วย ถือได้ว่าภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายได้ผ่านพ้นไปแล้ว การที่จำเลยวิ่งไล่ตามผู้ตายไปในทันทีแล้วใช้อาวุธปืนยิ่งผู้ตายจึงไม่อาจอ้างว่าเป็นการป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายได้ แต่อย่างไรก็ดีการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำต่อเนื่องกระชั้นชิดกับเหตุการณ์ที่จำเลยถูกผู้ตายชกต่อยก่อน โดยจำเลยมิได้สมัครใจทะเลาะวิวาทกับผู้ตาย ถือได้ว่าจำเลยถูกผู้ตายข่มเหงอย่างร้อยแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายในขณะนั้นจึงเป็นการกระทำความผิดฐานเจตนาฆ่าผู้อื่นโดยบันดาลโทสะตาม ป.อ. มาตรา 288 ประกอบมาตรา 72
.