เก็งเนติ อาญา ข้อ 4 กฎหมายอาญา สมัยที่ 77
หลักกฎหมายที่ต้องท่องจำ
ความผิดฐานเป็น อัังยี่ ซ่องโจร
อัังยี่
๑. การมีบุคคลตั้งแต่ ๒ คน ขึ้นไปก็ถือว่าเป็นการเพียงพอแล้ว
๒. ปกปิดวิธีดําเนินการ หมายถึง ปกปิดไม่ให้ทราบว่ามีวิธีการดําเนินการอย่างไร เหตุผลที่ต้องปกปิดไม่ให้บุคคลอื่นรู้ นอกจากหมู่คณะของตนก็เพราะว่ามีความมุ่งหมาย เพื่อที่จะกระทําการอันมิชอบด้วยกฎหมาย
คำพิพากษาฎีกาที่ ๗๘๔/๒๕๕๗
ความผิดฐานเป็นอั้งยี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๐๙
เป็นความผิดทันทีเมื่อผู้นั้นได้เข้าเป็นสมาชิกของคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดําเนินการและมีความมุ่งหมาย
เพื่อการอันมิชอบด้วยกฎหมาย ความผิดฐานเป็นช่องโจร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา
๒๑๐
เป็นขั้นตอนการกระทําความผิดที่ยกระดับถึงขั้นคบคิดกันหรือตกลงกันหรือประชุมหารือกันเพื่อจะกระทําความผิด
สภาพความผิดฐานเป็นอั้งยี่และฐานเป็นซ่องโจรจึงสามารถแยกการกระทําแต่ละความผิดได้
จึงเป็นความผิดหลายกรรม
คำพิพากษาฎีกาที่ ๓๘๘๐/๒๕๕๖ ความผิดฐานเป็นอั้งยี่และฐานเป็นซ่องโจร
ย่อมเป็นความผิดสําเร็จแล้ว
ตั้งแต่มีการสมคบวางแผนเพื่อกระทําการอันเป็นความผิด แม้ยังมิได้มีการกระทําการตามที่ได้สมคบกันก็ตามจึงเป็นการกระทําความผิดกรรมหนึ่ง
เมื่อต่อมาจำเลยกับพวกวางแผนการอย่างใด ๆ
เพื่อก่อความไม่สงบสุขร่วมกันดักซุ่มยิงทหารชุดคุ้มครองครูจึงเป็นเจตนาอีกอันหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นในภายหลังแยกออกจากกัน
การกระทําความผิดฐานพยายาม
ฆ่าเจ้าพนักงานโดยไตร่ตรองไว้ก่อนจึงเป็นความผิดอีกกรรมหนึ่ง
ความผิดฐานซ่องโจร
๑. การกระทํา
ได้แก่ การสมคบกันตั้งแต่ ๕ คนขึ้นไป
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๔๐๕๐/๒๕๓๔ ความผิดฐานเป็นซ่องโจรจะต้องมีบุคคลตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปคบคิดประชุมหารือร่วมกัน
และตกลงกันที่จะกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่บัญญัติไว้ในภาค ๒ แห่ง ป.อ.
และความผิดนั้นมีกำหนดโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป ทั้งนี้โดยการประชุมหารือร่วมกันและตกลงกันว่าจะกระทำความผิดอะไรเป็นข้อสาระสำคัญของความผิดฐานเป็นซ่องโจร
ได้ความเพียงว่าจำเลยกับพวกร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ผู้เสียหาย
โดยใช้เล่ห์เพทุบายในการเล่นการพนันเป็นเหตุให้ผู้เสียหายเป็นฝ่ายเล่นแพ้และเสียทรัพย์พนัน แต่ไม่ได้ความว่าจำเลยกับพวกได้คบคิดร่วมประชุมปรึกษาหารือกันที่ไหนเมื่อใด
และได้ตกลงกันจะกระทำความผิดอย่างใดหรือไม่ จึงจะลงโทษจำเลยฐานเป็นซ่องโจรมิได้
หากได้ความเพียงว่ามีกลุ่มคนร้ายวัยรุ่น
จะเข้ามาชิงหรือปล้นทรัพย์รถจักรยานยนต์ในเขตเทศบาลเมืองกําแพงเพชรเท่านั้น แต่โจทก์สืบไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสามกับพวกได้คบคิดร่วมกันประชุมปรึกษาหารือกันที่ไหน
เมื่อใดและได้ตกลงกันจะกระทําความผิดอย่างใดหรือไม่
หากโจทก์สามารถพิสูจน์ในส่วนนี้ได้
ศาลจึงจะลงโทษจำเลยฐานซ่องโจรได้ (ฎีกาที่
๓๒๐๑/๒๕๒๗)
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๓๒๐๑/๒๕๒๗ ความผิดฐานเป็นซ่องโจรนั้น
การประชุมหารือร่วมกันและตกลงกันว่าจะกระทำความผิดอะไร เป็นข้อสาระสำคัญที่จะแสดงให้เห็นว่ามีการกระทำความผิดฐานเป็นซ่องโจรหรือไม่
หากรวมกันแล้วไม่ถึง ๕ คน
ก็ถือว่าขาดองค์ประกอบความผิดฐานนี้เช่นกัน เช่น การที่จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓
และที่ ๕ ร่วมกันเจรจากับเจ้าพนักงานตํารวจที่ไปล่อซื้อเสนอขายรถจักรยานยนต์ที่ถูกลักมาให้แก่เจ้าพนักงานตํารวจ
มีลักษณะเป็นการกระทําต่อบุคคลภายนอก
เป็นต้น
๓. ความผิดที่สมคบกันเพื่อกระทําความผิดนั้น ต้องเป็นความผิดฐานใดฐานหนึ่ง ในประมวลกฎหมายอาญาภาคความผิด ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกอย่างสูงตั้งแต่ ๑ ปี ขึ้นไป ด้วย
ดังนั้น หากเป็นฐานความผิดที่อยู่ในภาค ๓
ลหุโทษ ก็ไม่เข้า หรือเป็นฐานความผิด อยู่ในภาค ๒ แต่อัตราโทษจำคุกอย่างสูงไม่ถึง
๑ ปี ก็ไม่เข้าเกณฑ์เช่นกัน ในส่วนนี้
จึงทําให้ความผิดฐานซ่องโจรต่างจากความผิดฐานอั้งยี่ เพราะความผิดฐานอั้งยี่
ไม่ได้จำกัดว่าความผิดอาญาดังกล่าวต้องเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญาภาคความผิดเท่านั้น