ในกรณีที่ผู้ถูกข่มขืนใจแม้จะกระทําความผิดจริง
แต่ผู้ที่ขู่ว่าจะจับไม่มีสิทธิเช่นนั้น เช่น ไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในทรัพย์
หรือไม่ได้เป็นเจ้าหนี้ ไม่มีส่วนที่เกี่ยวข้องในการกระทําความผิดของผู้ที่ถูกข่มขืนใจ
ในกรณีเช่นนี้ย่อมถือว่าเป็นการใช้อํานาจ โดยไม่มีสิทธิ
คำพิพากษาฎีกาที่
๑๙๔๕/๒๕๑๔ แม้ ท. จะกระทําความผิดจริง ช. ก็ไม่มีอํานาจเรียกเงินจาก
ท. ซึ่ง ช. แสดงให้ ท. เข้าใจว่า ช. สามารถทําให้ ท. เข้าคุก หรือไม่เข้าคุกก็ได้ ขู่ว่าจะเปิดเผยความลับที่ห้างหุ้นส่วนหลีกเลี่ยงภาษี เรียกเงินหนึ่งแสนบาท
เป็นการกรรโชกและรีดเอาทรัพย์
สรุป
ฎีกานี้ชี้ให้เห็นว่า ช. ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่ ท. หลีกเลี่ยงภาษีและการขู่ดังกล่าวเป็นการขู่ว่าจะเปิดเผยความลับ
ย่อมเป็นการขู่ที่แสดงให้เห็นว่า ทําให้ห้างฯ
จะได้รับความเสียหายและการขู่นั้นเป็นการขู่ว่าจะเปิดเผยความลับ จึงต้องด้วยกรณี ทั้งมาตรา
๓๓๗ และ ๓๓๘ ศาลฎีกาจึงวินิจฉัยว่า การกระทําดังกล่าวเป็นทั้งความผิดฐานกรรโชกและรีดเอาทรัพย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น